ภาพรวมของการรักษา
การฝังเครื่องให้ยาระงับปวดผ่านช่องไขสันหลัง
สำหรับโรคมะเร็ง
ปั๊มให้ยาระงับปวด (Intrathecal Morphine Pump)
เป็นการรักษาโดยการปล่อยยาเข้าไปยังช่องน้ำไขสันหลังโดยตรงด้วยปั๊มที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถบรรเทาอาการปวดเรื้อรังรวมถึงอาการปวดจากโรคมะเร็ง ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้มีผลข้างเคียงน้อยและปริมาณยาที่ใช้รักษาน้อยกว่าการใช้ยาแบบรับประทาน
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการรักษา
- บรรเทาอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น
- ลดปริมาณยาแก้ปวดที่ใช้รับประทานลงได้ หรืออาจไม่ต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย
- มีผลข้างเคียงจากยาน้อยลงหากเทียบกับการรับประทานยา
- ผู้ป่วยได้รับความพึงพอใจในการรักษา
ประโยชน์เมื่อเทียบกับการรักษาแบบอื่น
- วิธีนี้เป็นการนำยาในปริมาณน้อยเข้าสู่เซลล์เป้าหมายที่อยู่รอบไขสันหลังโดยตรง จึงสามารถควบคุมอาการปวดด้วยปริมาณยาที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการรับประทานยา
- ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจากยาที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับการใช้ยารับประทาน เช่น อาการท้องผูกและวิงเวียนศีรษะ
- การนำส่งยาผ่านช่องไขสันหลังเป็นทางเลือกในการรักษา หากการบรรเทาอาการปวดด้วยการรักษาอื่นๆใช้ไม่ได้ผล เช่น การใช้ยารับประทานหรือการฉีดยา
- มีการทดสอบการรักษาก่อนเพื่อประเมินผลก่อนตัดสินใจรักษาในระยะยาว
ขั้นตอนการรักษา
มี 3 ขั้นตอน
1. ทดสอบการรักษาก่อนผ่าตัด
เป็นการทดสอบเพื่อให้คุณได้ทดลองรับยาด้วยการฉีดยาผ่านช่องไขสันหลังก่อนตัดสินใจฝังอุปกรณ์เพื่อรับการรักษาจริง
2. การผ่าตัดฝังอุปกรณ์
ปั๊มจ่ายยาอัตโนมัติจะถูกฝังใต้ผิวหนังบริเวณหน้าท้องในระหว่างที่ทำการผ่าตัด
3. การเติมยาระงับปวด
แพทย์จะทำนัดหมายการเติมยาเมื่อถึงกำหนด
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดอาจเกิดขึ้นได้ เช่นการติดเชื้อ น้ำหล่อเลี้ยงไขสันหลังรั่วและปวดศีรษะ
- การได้รับยาเกินขนาด หรือต่ำกว่าขนาดที่ต้องการ อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการไม่พึงประสงค์ได้ได้
- ปั๊มอาจหยุดทำงานเนื่องจากแบตเตอรี่หมด
โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ข้อมูลความปลอดภัยที่สำคัญ และปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงและประโยชน์ต่างๆ ที่คุณจะได้รับจากการรักษารูปแบบนี้
ขั้นตอนการทดสอบการรักษามี 2 วิธี
ขั้นตอนทั่วไปของแต่ละวิธีรักษาอาจแตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
*ไม่ควรใช้ข้อมูลนี้ทดแทนการปรึกษาแพทย์ ดังนั้น โปรดติดต่อปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อมูลการวินิจฉัยและการรักษาโรคทุกครั้ง